10 ก.ย. 2557

รองพื้น revlon pantip เรฟลอน ฝาดำ ครีม รีวิว ราคา

รองพื้น revlon pantip เรฟลอน ฝาดำ ครีม กันน้ํา รีวิว ราคา
กระทู้ : รีวิว รองพื้นเรฟลอนฝาดำ สูตรใหม่ กับ สูตรเก่า ว่าต่างกันอย่างไร อย่างละเอียด
Credit : lepommz@pantip.com (โต๊ะเครื่องแป้ง)

เอาล่ะจ๊ะ เราก็จะมาพูดถึงความแตกต่างของเจ้ารองพื้น เรฟลอนฝาดำ
รองพื้นในตำนานที่เชื่อว่า คนแต่งหน้าทุกๆคน ต้องรู้จักแน่นอน
แต่ ก็เช่นเคย เชื่อว่าหลายคนต้องรู้ว่า นางเปลี่ยนสูตรใหม่มา
make over ตัวเอง มาชนิดที่ว่า แทบพลิกฝ่ามือกันเลยทีเดียว
เปลี่ยนแปลงไปจนเเทบไม่เหลือเค้าของเรฟลอนฝาดำตัวเดิมเลย

รองพื้น revlon pantip เรฟลอน ฝาดำ ครีม กันน้ํา รีวิว ราคา
รองพื้น revlon pantip เรฟลอน ฝาดำ ครีม กันน้ํา รีวิว ราคา

ก่อนอื่นขอพูดถึงเรื่องของ ราคาก่อน
ราคาที่ขายในไทย เรฟลอนตัวเก่า ราคา 490 บาท
แต่ เรฟลอนตัวใหม่ ราคา 550 บาท (ราคาเท่ากับรุ่น photoready , colorstay whipped)
แพงขึ้นตั้ง 60 บาทหน่ะตัวเธอ เธอปรับสูตรใหม่ แล้วเธอยังปรับราคาอีกนะ
โกยเงินจากผู้บริโภคอีกแระนะแก เเหม่

ต่อไป เรามาดูกันที่แพกเกจจิ้ง ที่เปลี่ยนไป เล็กน้อย
เอาเป็นว่า อะไรเปลี่ยน อะไรต่าง ไปดูเลย

(ซ้าย รุ่นเก่า ขวา รุ่นใหม่)

รูปร่างขวด ยังเหมือนเดิม ฝา เหมือนเดิมทุกประการ
ต่างที่สีของตัวหนังสือและฟอร์น
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาในการใช้
และที่ต่างอีกอย่าง นางมีสติกเกอร์แปะฝาว่า 24 hrs
เป็นคำเคลมว่า นางติดทนนาน 24 ชั่วโมงเลยนะตัวเธอ

จริงป่าวว๊า?


ต่อไปเราไปดูกันที่คำเคลม ของนางดีฝ่า
ซึ่งมันแตกต่างจากตัวแรกด้วยนะ
ที่นางบอกว่า ติดทนนาน 24 ชั่วโมง

เเหม่ะ มันติดขนาดนั้นจริงมั๊ย
นอกจากฝาขวดแล้ว นางยังเคลมเอาไว้ตรงด้านหลังขวดอีกนะ ว่า ติดทน 24 ชั่วโมง
ฉันมีภาพมายัน
รีวิว รองพื้นเรฟลอนฝาดำ สูตรใหม่ กับ สูตรเก่า
รีวิว รองพื้นเรฟลอนฝาดำ สูตรใหม่ กับ สูตรเก่า


ดูตรงบรรทัดแรก ของทั้งสองขวด

ตัวด้านซ้าย (ฝาดำรุ่นใหม่) นางเขียนไว้ว่า ติดทน 24 ชั่วโมง
ตัวด้านขวา (ฝาดำรุ่นเก่า ) นางเขียนไว้ว่า ติดทน 16 ชั่วโมง

เอาล่ะ ตัวเก่าบอก 16 ตัวใหม่บอก 24 ชั่วโมง
แต่จากที่ได้ใช้แล้วนะ อย่างรุ่นเก่าเนี่ย มันก็ ติดทนโคตรๆ
ฉันให้ มันติดทน 1 week เลยเอ้า!!! ถ้าแกไม่ล้างออก หรือไม่ไปออกกำลังกาย
ไม่ไปว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่ง อาบน้ำ 5555+
มันก็ติดทนมากๆอยู่แล้วนะ พอมาอันนี้บอก 24 ชั่วโมง โอ้โหห พระเจ้า จะติดทนไปหนายยย???

จากการพิสูจน์ คือ รุ่นเก่า ทาไปใชั้กิจกรรมที่เจอเหงื่อ บ่อยมาก
ไม่หลุดจริงอะไรจริง ติดทนจริงอะไรจริง ไม่เถียงเลย เพราะใช้นางบ่อยมาก

แต่!!! เคยทารุ่นเก่า แล้วไปเล่นน้ำทะเล ทะเลเกาะล้านด้วยเอ้า! 55+
ปรากฏว่า ไม่รอดเเห่ะ เล่นน้ำเสร็จขึ้นมา รองพื้นหายหมดเลย
เเหม๋ ถ้านางจะทนขนาดนั้น คงต้องซื้อสีทาบ้านมาโบกหน้าแล้วเเหล่ะ

ส่วนรุ่นใหม่ ยังไม่เคยทาแล้วเล่นน้ำทะเลนะ เคยแต่ ทาแล้วไปอาบน้ำ
ปรากฏว่า ถูสบู่ แบบใช้มือถูเฉยๆ ก็ออกนะ แต่ออกไม่หมด มันทนมาก
ต้องใช้ใยขัดตัวถูก ขัดมันอีกที มันถึงจะออกหมด ก็ถือว่าทนอยู่เหมือนกัน
และก็ มีน้องในเเฟนเพจ นางบอกว่า นางใช้ตัวรุ่นใหม่ ทาแล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์
นางบอกว่า ไม่หลุดเลยจ้าา อยู่ติดทน ตลอดวันมากๆ (อันนี้เค้าว่ามางี้นะ)

เอาเป็นว่า เรื่องการติดทน ดั่งที่เคลมไว้ ถือว่า ให้ผ่านนนนจ๊ะ ^^

ต่อไปสิ่งที่นางเคลมไว้ว่า flawless (ตรงบรรทัดที่สอง )
ได้เขียนเคลมไว้ทั้งคู่ เอาเป็นว่า flawless จริงอะไรจริง ปกปิดได้ดี เริศ เลอค่า
ร่องรอยอารยธรรมเมโสโปเตเมียบนหนังหน้า ก็ยังปกปิดได้เริศไม่ต้องพึ่งคอนซิลเลอร์
อันนี้ถือว่า ผ่านฉลุยจ๊ะ

ส่วน lightweight feel นี่ ไม่จริงงง เธอโกหกคำโตเลยยยย
เเหม๋ หนาซะขนาดนั้น ยังกล้าบอกว่า ได้ฟีลลิ่ง สัมผัสที่บางเบาอีกเหรออ 555+
รองพื้นหล่อนขึ้นชื่อเรื่องความหนา มากๆเลยนะ
ฉะนั้น อันนี้ ไม่ผ่านนนนนน หลอกดาวว

ต่อไปมาดูเนื้อรองพื้นของนางกันหน่อยดีกว่า
รองพื้นเรฟลอน
รองพื้นเรฟลอน

(สีเข้ม สี toast เรฟลอนรุ่นใหม่ / สีสว่างกว่า สี sand beige เรฟลอนรุ่นเก่า)
ถ้าถามว่าทำไมไม่ซื้อมาสีเดียวกัน ก็ ฉันอยากซื้อสีเข้มอะ มีไรแมะ คิคิ
ถ้าแกอยากดูรีวิว ให้รองพื้นสีเดียวกัน แกก็ซื้อให้ฉันสิยะ

อันนี้ให้ดูเฉพาะเนื้อรองพื้นนะ ห้ามดูสี โอเคย์ป๊ะ ???
เนื้อก็เหมือนเดิมเลย ถ้าดูด้วยตาเปล่า ทางกายภาพ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

รองพื้น revlon
รองพื้น revlon


แต่พอเกลี่ยแล้ว เธอจะรู้สึกได้ด้วยความแตกต่างของนาง นางเปลี่ยนไป๋ว่ะ
เปลี่ยนยังไง? คือ
นางเกลี่ยง่ายขึ้น นางไม่ฝืด ไม่หนืด เหมือนกับตัวรุ่นเก่า
ซึ่ง เป็นข้อดีกับ คนที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้า หรือ skill ในการเกลี่ยรองพื้นของคุณ ยังไม่เข้าขั้นเทพ
ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี คือ ถ้าเป็นเรฟลอนฝาดำตัวเก่า มันจะเกลี่ยยาก
มันจะหนืด จะเหนียว และถ้าเกลี่ยไม่ดี หน้าแกจะพินาศมากๆ จะดูเป็น
มนุษย์โบกปูนซีเมนต์บนหน้าอ่ะ นึกภาพออกป่ะ ??????

นอกจากเกลี่ยง่ายแล้ว สิ่งที่แตกต่างคือ กลิ่น
ตัวรุ่นเก่า เป็นรองพื้นที่ เหม็นโคตรรร โคตรจะเหม็น เหม็นอิ๋บอ๋ายยยย
เหม็นแอลกฮอล์ก คือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลย ว่าเรฟลอนฝาดำ
แกจะคงคู่กับกลิ่นเน่าๆแบบนั้น

แต่พอปรับสูตรใหม่ เห๋ยยยย กลิ่นมันหายไปแล้วว่ะ
ไม่เหลือกลิ่นอะไรเลย ซึ่ง ตอนแรก ตกกะใจมาก เเบบ
เอากลิ่นออกไปแล้ว!!! ตอนแรกดีใจนะ แต่ใช้ไปใช้มา เสียใจว่ะ 555+
รู้สึกว่า มันเป็น unique เป็นอะไรที่ เรฟลอนฝาดำ หล่อนต้องเหม็นๆอ่ะ
แต่จู่ๆ หล่อนไม่มีกลิ่นอ่ะ มันม่ายช่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย (หวีดดด)

แต่ ถ้าใครไม่เคยใช้เรฟลอนฝาดำรุ่นเก่า แล้วอยากรู้ว่า กลิ่นนางเป็นอย่างไร
ขอแนะนำให้คุณ พุ่งตรงไปที่เคาเตอร์ของ Estee Lauder และหยิบรองพื้นรุ่น
Double Wear Stay In Place ขึ้นมาดม กลิ่นแบบนั้นเเหล่ะ

โอเคย์ ต่อไปเรื่องของ ลุค ที่ได้จากการทารองพื้น
คือจะบอกว่า ทั้งคู่ ให้ฟีลลิ่ง ให้ความ Mat เหมือนกันทั้งคู่ แต่จะแตกต่างกันที่ว่า
ตัวรุ่นเก่า จะเเมทกว่า เพราะ มีเเอลกฮอล์กผสมมา อย่างรู้สึกได้ สัมผัสได้ เห็นได้ชัด
แต่ตัวใหม่ นางลดเเอลกฮอล์ลง ซึ่งก็ส่งผลให้ ความแมท ความแห้งของตัวเนื้อรองพื้นนั้น
ไม่แห้ง เท่ากับตัวรุ่นเก่า เมื่อนางแห้งลง ปรากฏว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ทำให้เวลาเกลี่ยนั้น
"รุ่นใหม่เกลี่ยง่ายกว่ารุ่นเก่า" พอเกลี่ยเสร็จ รุ่นใหม่ จะไม่เเห้ง เท่ากับ รุ่นเก่า
คือ มันก็ดีนะรุ่นใหม่เนี่ย ดีที่ว่าถ้าอย่างรุ่นเก่าเนี่ย อย่างที่บอกว่า ถ้าเธอเกลี่ยรองพื้นไม่เป็น มันจะเห็นเป็น
รองพื้นหนาๆ สัก 1 ซม. โบกอยู่บนหน้าเรา เพราะเกลี่ยนเสร็จแล้วมันจะเเห้ง ได้ลุค โคตรจะเเมท
แต่รุ่นใหม่เนี่ย เกลี่ยเสร็จจะได้ลุคที่ เกือบแมทนะ ยัง วาวอยู่นิดนึง แต่พอทิ้งระยะเวลาไปนิดนึง
นางถึงจะแมท ซึ่งต่างจากรุ่นเก่า รุ่นเก่าจะแมททันทีที่เกลี่ยเลย อะไรอย่างเงี่ยอ่ะแกกก นึกออกป๊ะ ??

เอาเป็นว่า แล้วแต่คนชอบลุคแบบไหนแล้วกัน ลุครุ่นเก่า จะแห้งกว่าจะแมทกว่า ของรุ่นใหม่ ตามนั้นนะ

ต่อไป เรื่องของการควบคุมความมัน
เรื่องนี้เเป็นจุดขายของเรฟลอนฝาดำเลยนะ เพราะนางขึ้นชื่อมากเรื่องความคงทนและ การคุมมัน
เมื่อนางไปเมคโอเวอร์ตัวเองใหม่ การคุมมันของนาง ก็ยังเริศอยู่นะ
แต่!!!!!! ประสิทธิภาพในการคุมมัน อ่อนด้อยลงกว่าเดิมหน่อยว่ะ (ความเห็นส่วนตัวนะ)
รู้สึกว่า ตัวเก่าคุมมันดีกว่า อาจเป็นเพราะแอลกฮอล์กที่ลดน้อยลงนั่นเเหล่ะ
การคุมมันก็น้อยลงตามไปด้วย

ต่อไปเรื่องของสี
เป็นเรื่องที่ หลายคนพูดถึงมากๆ สำหรับเรื่องของสี เพราะอาราย อย่างราย 555555+
คือ ฉันตอบคำถามนี้ในเเฟนเพจ แทบทุกวัน ทั้งแต่นางออกมาใหม่
จนฉันต้องไปเล่นในวัตสัน ให้ละเอียดลึกซึ้งกับ เจ้ารองพื้นรุ่นนี้ เพื่อมาตอบคำถาม
เล่นจน พนง มันยืนมองอยู่ห่างๆ แน่สิ ฉันลองอยู่ครึ่งชั่วโมงอ่ะ 55555

อ่ะ ก่อนอื่น ไปดูสีกันก่อน ทำ swatch สีมาให้ดูด้วย
เรฟลอน ฝาดำ
เรฟลอน ฝาดำ



(ps. สี natural beige อาจมีการผิดพลาด ไม่แน่ใจว่า อาจจะเป็นสี medieum beige มึนๆเเห่ะ สักสีอ่า ลองเข้าไปดูในวัตสันให้ทีสิ)

และนี่ก็คือสี ของรองพื้นเรฟลอนฝาดำรุ่นใหม่ ซึ่ง จะมีอีกสี ถ้าคุณไปซื้อในเคาเตอร์ นั่นคือสี toast
(สีเข้มๆ ที่เราสวอชไว้ด้านบน ในวัตสัน ไม่มีสีนี้ขายจ๊ะ)

ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ มีสีขาวกว่าเดิมเพิ่มขึ้นนั่นคือสี BUFF
ปกติรุ่นเก่าจะมีสีที่ขาวสุดคือสี SandBeige
และก็เรื่องของสีนั้น จะขอบอกว่า คนไทย เธออ จะต้องผิดหวังแน่ๆ หึหึ
เพราะสีที่ undertone เหลืองนั้น คือสองสีแรกเท่านั้น ที่เหลือ ชมพูหมดเลยจ๊าาา
ยิ่งสี nude กะ natural beige โคตรรรจะชมพูอ่ะเธออ

ซึ่ง สองสีแรก สี buff และ sandbeige ที่บอกว่า undertone เหลืองนั้น
มันก็ขาว แบบว่า เหมาะกับคนขาว ที่ผิวไม่เข้มไปกว่า nc 20 หรือ nc25 (อาจจะใช้ได้)
ถ้าnc 30 แล้ว แกใช้ไม่ได้ละ เพราะมันจะหน้าลอยมาก

สี sandbeige ยังคงเหมือนเดิม สีไม่เปลี่ยนแปลงระหว่างรุ่นเก่าและรุ่นใหม่

สี nude คิดว่าสีนี้ คนไทยน้อยคน ที่จะใช้สีนี้ได้ เพราะมันชมพูโคตรๆ เหมาะกับชาวตะวันตกมากๆ
ไม่เข้าใจว่า เรฟลอนเอาสีนี้เข้ามาทำป๊ะอะไร ????

และอย่างเราเป็นคน nc30 เราใช้เรฟลอนฝาดำรุ่นเก่าสี natural beige
แต่พอมารุ่นนี้ ขอโทษเถอะแก ฉันใช้ไม่ได้ว่ะ สีมันชมพูมาก
ตอนสวอชออกมา ตกกะใจเลย ทำไมมันชมพูขนาดนี้
พอลองทากรามที่หน้า แล้วอยากจะร้องให้
ก็เลยไม่ได้ซื้อมา 5555 เพราะซื้อมาก็ทาไม่ได้ ฉันจะซื้อมันมาทำไม จริงป๊ะ ??

ส่วนสีgolden beige ตอนแรกเราว่าเราจะซื้อสีนี้มาใช้นะ
ซึ่งสีนี้ออกชมพูหน่อยๆ แต่ไม่มาก แต่ว่า เราใช้ไม่ได้เเห่ะ มันเข้มไปหน่อย
ซึ่งคิดว่า คนไทยที่สีไม่ขาวมาก น่าจะเหมาะกับสีนี้ที่สุด

สี natural tan นี่ ไม่ชมพูมากนะ จะออกไปทางส้มๆ คิดว่าเหมาะกับคนไทยที่ผิวเกือบจะเข้ม
เราลองทาสีนี้กับกรามที่หน้า โอ้โห เห็นความแตกต่างค่อนข้างชัดเลยว่า มันเข้ม

แต่ไม่มีอะไรต่างไปกว่าสี toast ที่ไม่มีขายในวัตสัน 55 ทาแล้ว ผิวแทนมาก very แทนเลยเธอ
อ่ะ นี่รุป



เป็นไง แทนได้ใจมั๊ย?? 55

ก็สรุปเลยสั้นๆสำหรับเรื่องสีนะ คือว่า
undertoneเหลือง ใช้สี buff, sandbeige ซึ่ง สำหรับคนขาวจริงๆ เท่านั้น

ส่วนสีกลางๆ ตั้งแต่สี nude - goldenbeige นั้น มีทินท์ความเป็นชมพู
เพิ่มขึ้นจากรุ่นเก่ามาก

และสี natural tan , toast สองสีนี้ เหมาะกับคนไทยที่ผิวเข้ม มากๆ
(ยังไงก้ขอแสดงความยินดีกับคนไทยผิวเข้ม เธอมีรองพื้นสีเข้มที่ราคาไม่แพงมาก ไม่ต้องเสียตังค์หลังพันใช้แล้ว เห้!)


เอาเป็นว่า สรุปสั้นๆอีกที ทุกสิ่งอย่าง นั่นคือ
- รุ่นเก่า และ รุ่นใหม่ การติดทน เลิศเลอค่า เท่ากัน
- รุ่นใหม่ เกลี่ยง่ายกว่ารุ่นเก่า
- รุ่นใหม่ เกลี่ยนเสร็จแล้ว สวยกว่ารุ่นเก่า เนื่องจาก ไม่แห้งเท่ารุ่นเก่า
- การคุมมัน รุ่นเก่า เลอค่ากว่า รุ่นใหม่
- สี ที่เหมาะกับคนไทย มีช้อยส์ให้เลือก น้อยมากๆ + +

// สุดท้าย ความเห็นส่วนตัว จะบอกว่า ฉัน คิดถึง เรฟลอนฝาดำรุ่นเก่ามากกว่า
คือ ตัวใหม่ทำออกมาแล้ว สีชมพูขึ้น คนไทยก็จะใช้ได้น้อยลง
และก็ การคุมมันก็ กากขึ้นกว่าเดิม เปลี่ยนมาแล้วห่วยขึ้น เพื่อ ?
ส่วนกลิ่นเหม็นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรฟลอนฝาดำ ก็หายไป
(ชั้นนึกว่า ชั้นกำลังทา makeup forever matte vivet plus อยู่นะเนี่ย)